Case Study : UNO! Coffee กับ วางระบบการบริหารจัดการหลังร้านอย่างยอดเยี่ยม
Case Study : UNO! Coffee — “Great Coffee for All”
1. จุดเด่นกลยุทธ์การตลาด & โปรดักต์
-
UNO! Coffee กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วจากการขายกาแฟพรีเมียมสายพันธุ์ เกอิชา (Geisha) ในราคาเข้าถึงง่ายเพียง 85 บาท/แก้ว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Great Coffee for All” ที่ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงกาแฟหรูได้จริงจัง ไม่ต้องจ่ายแพง
-
จากวันเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ร้านขายได้กว่า 800 แก้วในวันแรก สร้างปรากฏการณ์คิวยาวบนโซเชียล
-
UNO! ใช้แนวทาง Loss Leader Strategy นำเมนูพรีเมียมราคาเบาใช้ดึงลูกค้า หลังจากนั้นลูกค้ามีแนวโน้มสั่งเมนูอื่นๆ เพิ่ม เช่น Banoffee Latte, Pandan Latte หรือ Mango Lychee Coffee
2. กลยุทธ์การควบคุมต้นทุน
-
UNO! รู้ที่มาของฟาร์มกาแฟและมีความสัมพันธ์กับผู้ปลูกมานานกว่า 10 ปี ซื้อเมล็ดในล็อตใหญ่ (bulk purchase) ทำให้ได้ราคาต่อหน่วยถูกลง (Economies of Scale) และสามารถขาย Geisha ในราคาต่ำกว่าแบรนด์ทั่วไปมาก
-
ทางร้านยังควบคุมต้นทุนได้อีกมากจากการ คั่วกาแฟเอง (in-house roasting) ลดขั้นตอนภายนอก
3. สร้างกระแส และใช้ FOMO (Fear Of Missing Out) อย่างชาญฉลาด
-
ก่อนเปิดร้าน UNO! ปูเรื่องราวสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย โดยสร้าง Awareness ด้วยการเล่า Brand Story และ Educate เรื่องกาแฟ Geisha แบบเข้าใจง่าย สนุก มีส่วนร่วมจากผู้ติดตาม
-
UNO! ใช้กลยุทธ์ FOMO กระตุ้นความรู้สึกว่า “ถ้าไม่มาซื้อ คุณจะพลาดอะไรบางอย่าง” — ทำให้เกิดการรวมตัวต่อแถวซื้อในจำนวนมากอย่างรวดเร็ว
-
ภาพบรรยากาศสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ รุ่นใหม่ ถึงขั้นที่เมล็ด Geisha หมดตั้งแต่เที่ยงวันแรก และร้านแบบ full queue ทั้งวัน
4. การขยายสาขาอย่างรวดเร็ว
-
เปิดสาขาแรกที่ Central Ladprao → ตามด้วย Major Ratchayothin → แล้วต่อด้วย CentralWorld (โซน The Offices – เจาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศ) และเตรียมเปิดสาขาที่ 4 ที่อาคาร มณียาเซ็นเตอร์ BTS ชิดลม
-
การเลือกโลเคชันเน้นที่คนออฟฟิศ + เป็นใจกลางเมือง สอดคล้องกับกลยุทธ์ Premium Mass — งานดี ราคาเข้าถึงได้
5. ประสบการณ์ลูกค้า: รีวิวจริงจากผู้ไปใช้บริการ
-
จากรีวิวหนึ่งระบุว่า คนรอต่อคิวประมาณ 15 นาที แต่หลังสั่งกาแฟแล้วต้องรอนมากถึง 2 ชั่วโมง เพื่อให้ได้กาแฟ Geisha—แต่เขาบอกว่าคุ้มค่ากับรสชาติที่ได้: กลมครบ หอมดอกไม้ ผลไม้หมัก และให้กลิ่นหอมซับซ้อนในปากอย่างแท้จริง
สรุป Highlight ของกรณี UNO! Coffee
สินค้า Premium Mass ——– Geisha 85 บาท/แก้ว, เมนูคุณภาพสูงแต่ขายได้ทุกคน
ควบคุมต้นทุน ——– ซื้อเมล็ดล็อตใหญ่, คั่วเอง, ลดมาร์จิ้น
Loss Leader Strategy ——– เมนูเด็ดดึงลูกค้า ให้ลองเมนูอื่นเพิ่มยอดเฉลี่ยต่อคน
FOMO & Viral Marketing ——– สร้างกระแสก่อนเปิดร้าน, content มนุษย์เข้าถึงง่าย
ขยายสาขาเฉียบ ——– เจาะพื้นที่ใจกลาง, ออฟฟิศ, urban crowd อย่างรวดเร็ว
Product Experience ——– รสชาติคุณภาพสูงจริง สร้างประสบการณ์ “worth the wait”
6 หลักวางระบบการบริหารจัดการหลังร้าน
หลายร้านกาแฟเริ่มจาก “คอนเซ็ปต์” ที่โดดเด่น แต่ถ้าหลังบ้าน (Back of House) ไม่แข็งแรง ต่อให้หน้าร้านดีแค่ไหนก็ไปต่อยาก ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ วางระบบการบริหารจัดการหลังร้าน ให้เป็นมืออาชีพ เช่นเดียวกับธุรกิจเต็มรูปแบบ ผมสรุปเป็นแนวทางหลักๆ ได้ดังนี้:
1. ระบบการเงินและบัญชี
- แยกบัญชีร้านกับบัญชีส่วนตัวให้ชัดเจน
- มีระบบ POS หรือโปรแกรมบัญชีช่วยเก็บข้อมูลยอดขาย–ต้นทุน
- กำหนดงบประมาณรายวัน/รายเดือน (วัตถุดิบ, ค่าแรง, ค่าเช่า, การตลาด)
- ติดตาม “Food & Beverage Cost” ว่าต้นทุนต่อแก้วอยู่ที่กี่ % ของราคาขาย
2. การจัดการวัตถุดิบ (Inventory Management)
- จัดทำ Stock Card / โปรแกรมสต็อก เพื่อลดการสูญเสีย
- คำนวณวัตถุดิบขั้นต่ำ (Minimum Stock Level) เพื่อกันการขาดวัตถุดิบ
- ใช้หลัก FIFO (First In First Out) เพื่อควบคุมคุณภาพและอายุสินค้า
3. มาตรฐานการทำงาน (SOP – Standard Operating Procedures)
- SOP ชงกาแฟและเมนูต่างๆ → รสชาติมาตรฐานทุกแก้ว
- SOP การบริการลูกค้า → สร้างประสบการณ์ที่สม่ำเสมอ
- SOP ความสะอาดและความปลอดภัย (Food Safety)
4. การบริหารทีมงาน
- วางตารางกะทำงานชัดเจน ปรับตาม Peak Hour / Off-peak
- ฝึกอบรมพนักงานทั้งบาริสต้าและทีมเสิร์ฟ ให้ทำงานทดแทนกันได้
- ระบบแรงจูงใจ เช่น โบนัสตามยอดขาย หรือ Tip pooling
5. การควบคุมคุณภาพ
- เช็กคุณภาพเครื่องชง/อุปกรณ์เป็นประจำ
- มี Feedback Loop จากลูกค้า → ใช้เป็นข้อมูลปรับปรุง
- ทำ Mystery Shopper (ให้เพื่อนหรือคนในวงการลองเข้ามาใช้บริการแบบไม่บอกล่วงหน้า)
6. การตลาด + การวิเคราะห์ข้อมูล
- เก็บข้อมูลลูกค้า (Member Card, Point, Line OA)
- ใช้ข้อมูลยอดขายวิเคราะห์ว่า เมนูไหนขายดี / เมนูไหนควรเลิก
- ทำโปรโมชั่นที่คุมต้นทุน เช่น Combo Set หรือเมนูตามฤดูกาล
“คอนเซ็ปต์” สร้างความแตกต่าง แต่การบริหารจัดการหลังร้านคือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดและโตได้จริง
เปรียบง่ายๆ คือ คอนเซ็ปต์ = เสน่ห์, หลังร้าน = กระดูกสันหลัง